บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ผลไม้ หมายถึง ผลที่เกิดจากการขยายพันธุ์โดยอาศัยเพศของพืชบางชนิด ซึ่งมนุษย์สามารถรับประทานได้
แตงโม
ประโยชน์ของแตงโม ผลไม้เพื่อสุขภาพ (Woman Plus)
สำหรับสาวคนใดที่ชื่นชอบการรับประทานผลไม้เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ในประเทศหรือต่างประเทศ แต่มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่สาว ๆ ทั้งหลายไม่ควรพลาด นั่นก็คือ…แตงโม
เนื่องจากในผลแตงโมมีสารสำคัญสีแดงที่มีชื่อว่า "ไลโคปีน" (Lycopene) ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ อีกทั้งในเนื้อแตงโมยังมี "เบตาแคโรทีน" (Beta-Carotene) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ รวมถึงยังช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย
นอกจากนี้เปลือกแตงโมยังมีสาร "ซิทรูไลน์" (Citruline) ที่มีส่วนช่วยขยายเส้นเลือดซึ่งเป็นผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และสารนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อคนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวานด้วย
สำหรับผู้หญิงคนใดที่ต้องการลดความอ้วน แตงโมอาจกลายเป็นตัวเลือกสำคัญของคุณได้ เนื่องจากแตงโมมีแคลอรี่ต่ำ และยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซีที่ช่วยป้องกันไข้หวัดและโรคเลือดออกตามไรฟัน หรือจะเป็นโพแทสเซียมที่มีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตของร่างกาย
ใครที่เคยเมินเชิดใส่แตงโม ควรรีบเปลี่ยนทัศนคติแล้วหันกลับมาให้ความสนใจในคุณประโยชน์และรสชาติหวานอร่อยของแตงโมอย่างเต็มที่
สำหรับสาวคนใดที่ชื่นชอบการรับประทานผลไม้เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ในประเทศหรือต่างประเทศ แต่มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่สาว ๆ ทั้งหลายไม่ควรพลาด นั่นก็คือ…แตงโม
เนื่องจากในผลแตงโมมีสารสำคัญสีแดงที่มีชื่อว่า "ไลโคปีน" (Lycopene) ที่ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและโรคหัวใจ อีกทั้งในเนื้อแตงโมยังมี "เบตาแคโรทีน" (Beta-Carotene) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทั้งยังช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ และระบบขับปัสสาวะ รวมถึงยังช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย
นอกจากนี้เปลือกแตงโมยังมีสาร "ซิทรูไลน์" (Citruline) ที่มีส่วนช่วยขยายเส้นเลือดซึ่งเป็นผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน และสารนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อคนที่เป็นโรคอ้วนและเบาหวานด้วย
สำหรับผู้หญิงคนใดที่ต้องการลดความอ้วน แตงโมอาจกลายเป็นตัวเลือกสำคัญของคุณได้ เนื่องจากแตงโมมีแคลอรี่ต่ำ และยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซีที่ช่วยป้องกันไข้หวัดและโรคเลือดออกตามไรฟัน หรือจะเป็นโพแทสเซียมที่มีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตของร่างกาย
ใครที่เคยเมินเชิดใส่แตงโม ควรรีบเปลี่ยนทัศนคติแล้วหันกลับมาให้ความสนใจในคุณประโยชน์และรสชาติหวานอร่อยของแตงโมอย่างเต็มที่
ส้ม
ประโยชน์ของส้ม
ส้มเป็นผลไม้ตระกูล Citrus ที่ให้ทั้งรสเปรี้ยวและหวาน จึงอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ มากมาย
ที่เด่นที่สุดคือ ให้วิตามินซีสูง นอกจากนี้ ยังมีแคลเซียม วิตามินเอ บี
โปแตสเซียม แคลเซียม ใยอาหาร ฟอสฟอรัส เหล็ก ซึ่งส้มแต่ละชนิดจะให้คุณค่าทางสารอาหารไม่ต่างกันมากนัก
ส่วนคุณประโยชน์ด้านอื่นๆ เช่น
ดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ลดความเครียด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เลือดออกตามไรฟัน และมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกายในส้มมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันการอักเสบ และเลือดจับตัวเป็นก้อนมีคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งแตก และยังช่วยสมานแผลหลังผ่าตัด แผลไฟไหม้ ให้หายเร็วและแผลเรียบเนียนขึ้น
ดื่มเพื่อเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ลดความเครียด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เลือดออกตามไรฟัน และมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกายในส้มมีสารฟลาโวนอยด์ ช่วยป้องกันการอักเสบ และเลือดจับตัวเป็นก้อนมีคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งแตก และยังช่วยสมานแผลหลังผ่าตัด แผลไฟไหม้ ให้หายเร็วและแผลเรียบเนียนขึ้น
แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ล
ผลไม้ยอดนิยม นอกจากรูปร่างจะน่ารับประทานแล้ว ยังมีประโยชน์มากมายอีกด้วย
แอปเปิ้ลในท้องตลาดมีอยู่หลายสี แต่ละสีก็มีประโยชน์แตกต่างกัน
|
หลายคนไม่ชอบทานเปลือกแอปเปิ้ล
ซึ่งนั่นผิดมหันต์ เพราะจะทำให้คุณค่าจากสารอาหารที่จะได้รับจากผลไม้ชนิดนี้
ลดลงไปอย่างมาก ประโยชน์ของแอปเปิ้ลที่คุณควรรู้มีดังต่อไปนี้
แอปเปิ้ลที่เห็นตามท้องตลาด มีทั้งเปลือกสีแดง สีชมพู สีเขียว และสีเหลือง แตกต่างกันไปตามแต่ละสายพันธุ์ แต่เนื้อข้างในก็เหมือนกันคือ เป็นเนื้อทรายละเอียดสีขาวนวล ทราบไหมว่า เมื่อรับประทานแอปเปิ้ลโดยไม่ปอกเปลือก 1 ผล จะได้รับพลังงานประมาณ 80 กิโลแคลอรี่ มีวิตามินบี 6 เท่ากับ 0.1 มิลลิกรัม และวิตามินซีมากถึง 7.9 มิลลิกรัม |
นอกจากนั้นยังมีสารเบต้าแคโรทีน
และเส้นใยไฟเบอร์ ช่วยในเรื่องของการบำรุงหัวใจ ลดคอเลสเตอรอล ลดความดัน
ควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระ
และฆ่าเชื้อไวรัส
|
แต่ถ้าปอกเปลือกปริมาณสารอาหารดังกล่าวก็จะลดลงไปด้วย
มีความเชื่อของฝรั่งกล่าวไว้ว่า การรับประทานแอปเปิ้ลวันละผล
ช่วยให้ห่างไกลหมอได้
กล้วย
กล้วยเป็นไม้ผลที่คนโบราณนิยมปลูกใกล้บ้านไว้เป็นอาหารเพื่อไม่ต้องเข้าป่าไปหาประโยชน์ของกล้วยมีมากมาย คนโบราณรู้จักประโยชน์จากกล้วยมานานแล้ว เกือบทุกส่วนของกล้วยสามารถนำมาดัดแปลงใช้ให้มีคุณค่าได้
กล้วยจึงนับได้ว่าเป็นพืชสารพัดประโยชน์และเป็นอาหารที่มีคุณค่ามาก ชาวอินเดียถือว่ากล้วยเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อกระเพาะลำไส้ โดยเฉพาะโรคกระเพาะ หมอสมุนไพรอินเดียยืนยันมานานแล้วว่าใช้กล้วยแก้โรคนี้ได้ดี นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามทดลองพิสูจน์หาความจริง มีการทดลองจนแน่ใจและสามารถที่จะเผยแพร่ได้แต่อาจจะมีน้อยคนที่จะรู้ว่ากล้วยเป็นยารักษาโรคได้หลายชนิด
สรรพคุณของกล้วยกับการรักษาโรคต่าง ๆ
โรคกระเพาะ
เอากล้วยหักมุกดิบมาหั่นตากแดดบดผงกินวันละ 4 ครั้ง ๆ ละ 1-2 ช้อนแกง โดยใช้ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำหวาน พอให้เหนียว ๆ กินก่อนอาหารครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงและก่อนนอน
ความดันโลหิตสูง
ตำราอินเดียกล่าวว่า คนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงควรกินกล้วยสุกเป็นประจำ เพราะกล้วยมีส่วนรักษาโรคนี้ได้ดี
เบาหวาน
ชาวอินเดียใช้ดอกกล้วยต้มเอาน้ำมากินแก้เบาหวาน วิธีต้มใช้ดอกกล้วย 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด ต้มกับน้ำ 3 แก้ว ให้เดือดนาน 20 นาที กินครั้งละ 1 แก้ว วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
ผิวกล้วยแห้งและกล้วยสุกเป็นอาหารที่ช่วยบรรเทาโรคเบาหวานได้เช่นกัน
ปวดท้องเป็นประจำ
ให้เอาเปลือกกล้วยน้ำว้าสุก 3 กำมือ เกลือแกง 1 กำมือ นำยาทั้ง 2 อย่างใส่หม้อดินใส่น้ำพอท่วมต้มให้เดือดนานครึ่งชั่วโมง กินน้ำยาครั้งละ 1 ถ้วยชาจีนก่อนอาหารเช้า-เย็น มีสรรพคุณแก้ริดสีดวงลำไส้ มีอาการปวดท้องเป็นประจำ
ปากขม
เมื่อคราวที่ไข้หวัดระบาด ดิฉันนอนซมเลยค่ะ ลางานตั้งอาทิตย์ทานอะไรไม่ได้เลย น้ำหนักลดตั้ง 5 กก. ดิฉันได้กล้วยน้ำว้าของเรานี่แหละค่ะถึงรอดตาย เวลาเป็นไข้กินอะไรมันขมแม้แต่น้ำ แต่กินกล้วยน้ำว้าจะไม่ขมเลย ซ้ำพลังงานทำให้มีแรงอีกด้วย แปลกนะคะ “กล้วยน้ำว้าทำไม่ไม่เปลี่ยนรส” อรนุช แซ่ล้อ (คัดจากหนังสือฟ้าเมืองไทย)
ปากเหม็น
ใครที่รู้ตัวว่ามีกลิ่นปากเหม็น มีวิธีแก้ที่ลงทุนไม่มากนักเพราะผู้เขียนก็ปากเหม็น แต่บัดนี้หายแล้ว วิธีแก้คือรับประทานกล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ หรือกล้วยอะไรก็ได้ที่ยังไม่ได้ ต้ม ทอด เชื่อม ปิ้ง รับประทานในตอนเช้าหลังจากตื่นนอนแล้ว สัก 6-7 ลูก จึงค่อยแปรงฟัน ทำอย่างนี้สัก 1 อาทิตย์
ร้อนใน
ตามสรรพคุณยาไทยกล่าวว่ารากของกล้วยดิบมีรสเย็นใช้แก้ร้อนในได้ดี วิธีใช้เอารากกล้วยดิบมาหั่นเป็นชิ้นใส่น้ำลงไป 2 เท่า ต้มให้เดือดนาน 15 นาที กินครั้งละ ½ -1 แก้ว วันละ 3-4 ครั้ง
โรคพยาธิ
อินเดียใช้ขี้เถ้าจากต้นและใบกล้วยกินเป็นยาขับพยาธิ บอกว่าใช้ได้ผล กินครั้งละ ½ -1ช้อนชา ก่อนอาหารเช้า-เย็น
โรคริดสีดวงทวาร
คนที่เป็นริดสีดวงทวารไม่ว่าจะเป็นเริ่มแรกจนกระทั่งถ่ายเป็นเลือด ควรกินกล้วยเป็นประจำ เพราะกล้วยจะทำให้อุจจาระอ่อนตัว เวลาถ่ายอุจจาระจะได้ไม่ครูดกับหัวริดสีดวงทวาร
โรคหัวใจ
จีนใช้ดอกกล้วยแห้งบดผงผสมน้ำ เติมเกลือเล็กน้อย กินรักษาโรคหัวใจ กินครั้งละ 1-2ช้อนชา วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
หอบหืด
ใช้ผิวไผ่ 1 กำมือ ห่อด้วยใบตองกล้วยตานีล้างให้สะอาด ใส่น้ำท่วม ต้มยากินวันละ 2-3ครั้ง ครั้งละ ½-1 แก้ว
หูเป็นฝี
เชื่อหรือไม่หนูมีวิธีแก้ฝีในหู เพราะหนูเคยเป็นเมื่อ 3 ปีที่แล้ว รับรองหายเด็ดขาด เอาทางกล้วยน้ำว้ามาลนไฟแล้วบิดเอาน้ำใส่ในรูหู นอนเอียบหูไว้สัก 5 นาที เทออกมาก็จะหายปวด ทำวันละ 2-3 ครั้ง
องุ่น
องุ่น เป็นอาหารบำรุงร่างกายอีกชนิดหนึ่ง นอกจากจะมีคุณค่าทางอาหาร ยังมีสรรพคุณทางยาที่ดีหลายชนิด สารอาหารที่สำคัญ คือน้ำตาล และสารอาหารจำพวกกรดอินทรีย์อีกประมาณ 7-8 ชนิด น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลซูโคส วิตามินซี นอกจากนี้ยังมีเหล็ก และแคล เซี่ยมองุ่นยังสามารถนำไปทำเหล้าองุ่น ซึ่งเป็นเหล้าบำรุง ส่วนเครือและราก ใช้เป็นยาขับลม ขับปัสสาวะ รักษาโรคไขข้ออักเสบ ปวดเอ็นกระดูก และมีฤทธิ์ระงับประสาท แก้ปวด แก้อาเจียนอีกด้วย
การรับประทานองุ่นเป็นประจำ จะมีส่วนช่วยในการบำรุงสมอง บำรุงหัวใจ แก้กระหาย ขับปัสสาวะ บำรุงกำลัง คนที่ร่างกายผอมแห้ง แรงน้อย แก่ก่อนวัย ไม่มีเรี่ยวแรง ถ้ารับประทานองุ่นเป็นประจำ จะช่วยเสริมทำให้ร่างกายค่อยๆแข็งแรงขึ้นได้ |
บทที่ 3
วัสดุอุปกรณ์และขั้นตอนการดำเนินงาน
วัสดุอุปกรณ์
- มีด
- ช้อน
- ชาม
- เครื่องปั่น
- ถ้วยใส่วุ้น
ส่วนผสม
6.น้ำผลไม้
7.ผงวุ้น
8.น้ำตาลทราย
ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงาน
- แบ่งกิจกรรตามหน้าที่
- สืบค้นหาข้อมูล
- รวบรวมข้อมูล
- จัดทำเป็นรูปเล่มที่สวยงาม
- จัดทำเป็นโครงงานนำเสนอ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น